รีวิว Paul (2011) – พอล เพื่อนเฟี้ยวต่างโลก

เมื่อสองหนุ่มเนิร์ดอังกฤษเจอ “เอเลี่ยนตัวเป็น ๆ” กลางทะเลทรายอเมริกา ความป่วนจึงเริ่มขึ้น! ภาพยนตร์ไซไฟคอมเมดี้สุดฮาที่ผสมเสียงหัวเราะกับมิตรภาพและความหมายของคำว่า “ต่างแต่เข้าใจกัน” ได้อย่างอบอุ่น

ข้อมูลเบื้องต้น

  • ผู้กำกับ: Greg Mottola (จาก Superbad และ Adventureland)
  • เขียนบทโดย: Simon Pegg & Nick Frost
  • นำแสดงโดย: Simon Pegg (Graeme), Nick Frost (Clive), Seth Rogen (ให้เสียง Paul), Kristen Wiig, Jason Bateman, Sigourney Weaver
  • แนวภาพยนตร์: ตลก / ไซไฟ / ผจญภัย
  • ปีที่ฉาย: 2011 (Theatrical Cut)
  • คะแนน IMDb: 7.0 / 10 (ดูที่ IMDb)

เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์หนัก)

Graeme และ Clive สองเพื่อนซี้ชาวอังกฤษผู้คลั่งไคล้คอมิกและเรื่องราวเอเลี่ยน เดินทางสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมงาน Comic-Con ก่อนจะเช่ารถบ้านขับเที่ยวเส้นทางรอบทะเลทราย Roswell อันเป็นตำนาน UFO
แต่ระหว่างทาง ทั้งคู่กลับพบ “พอล” เอเลี่ยนสีเทาร่างเตี้ยปากจัด ที่หลบหนีจากฐานลับของรัฐบาลอเมริกา หลังถูกกักขังไว้เพื่อศึกษานานหลายสิบปี การพบกันครั้งนี้จึงกลายเป็นภารกิจพาเพื่อนต่างดาวกลับบ้านกลางความวายป่วงของ FBI, ผู้ล่า, และเหตุการณ์ชวนหัวแทบทุกนาที!


สปอยล์เนื้อเรื่องแบบเต็ม

หลังงาน Comic-Con จบลง Graeme และ Clive เริ่มการเดินทางบน RV จนพบพอลโดยบังเอิญ เขาอธิบายว่ารัฐบาลจับเขามาเพื่อขโมย DNA และใช้ความรู้ของเขาสร้างเทคโนโลยีต่าง ๆ (รวมถึงแรงบันดาลใจให้หนังเอเลี่ยนหลายเรื่องในโลกมนุษย์)
พอลขอร้องให้สองหนุ่มช่วยพาเขาไปยังจุดรับสัญญาณเพื่อติดต่อยานแม่ที่จะมารับกลับไป แต่การหนีไม่ง่ายเลย เพราะเจ้าหน้าที่พิเศษ Zoil (Jason Bateman) กำลังตามรอย พร้อมกับลูกน้องสองคนสุดเปิ่นที่เข้าใจสถานการณ์ผิดไปหมด

ระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบ Ruth (Kristen Wiig) หญิงสาวผู้เคร่งศาสนา ที่ชีวิตพลิกเมื่อรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเคยเชื่อเพราะเจอเอเลี่ยนต่อหน้า Ruth จึงร่วมขบวนช่วยพอลหนีไปด้วย
พอลใช้พลัง “รักษาและทำให้ล่องหนชั่วคราว” เพื่อช่วยชีวิตหลายคน แต่ก็เริ่มอ่อนแรงจากการใช้พลังมากเกินไป ขณะเดียวกัน Zoil เปิดเผยว่าจริง ๆ แล้วเขาช่วยพอลมาโดยตลอด และต้องแสร้งทำงานให้หัวหน้า (Sigourney Weaver) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

ในฉากไคลแมกซ์ ยานอวกาศของพอลลงจอดกลางทะเลทราย ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่าง Zoil กับหัวหน้าหน่วยที่พยายามฆ่าพอล สุดท้ายหัวหน้าตายจากการระเบิด ส่วนพอลบอกลาเพื่อนมนุษย์ทั้งสามด้วยคำพูดซึ้ง ๆ ก่อนจะขึ้นยานกลับบ้าน
หนังจบด้วยฉากตลกในอีกหนึ่งปีต่อมา เมื่อ Graeme และ Clive ได้ออกหนังสือการ์ตูนชื่อ “Paul” ที่ประสบความสำเร็จ และพอลแวะทักทายพวกเขาอีกครั้งจากฟากฟ้า


บทวิจารณ์

จุดแข็ง

  • เคมีของ Simon Pegg และ Nick Frost ยังคงยอดเยี่ยม ถ่ายทอดมิตรภาพเพื่อนเนิร์ดได้ทั้งจริงใจและขำกลิ้ง
  • Seth Rogen ให้เสียงพอลได้อย่างมีชีวิตชีวา เป็นเอเลี่ยนที่ “มนุษย์” ที่สุด ทั้งพูดจาหยาบแต่มีหัวใจอบอุ่น
  • บทหนังล้อเลียนวงการ Sci-Fi และคัลเจอร์คอมิกได้อย่างเฉียบ เช่น การแซว E.T., Star Wars, และ Spielberg
  • ดนตรีประกอบและบรรยากาศ Road Movie ทำให้ดูสบายแต่ยังเต็มไปด้วยพลังบวก

จุดอ่อน

  • บางมุกอาจไม่เข้ากับคนดูทั่วไป โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นกับหนังไซไฟคลาสสิกหรือวัฒนธรรมเนิร์ด
  • เนื้อเรื่องค่อนข้างตามสูตรหนัง Road Trip แม้จะมีความอบอุ่นแต่ไม่ค่อยมีจุดหักมุมแรง

โดยรวม Paul (2011) คือหนังคอมเมดี้ไซไฟที่ผสม “มิตรภาพ-มุกตลก-จิตวิญญาณหนังเอเลี่ยนยุคทอง” ได้อย่างลงตัว
ดูแล้วอาจหัวเราะน้ำตาเล็ก ๆ และอบอุ่นกับสารของหนังที่พูดง่าย ๆ ว่า — “แม้จะมาจากคนละโลก แต่เราก็เข้าใจกันได้”


ตัวอย่างภาพยนตร์จาก YouTube

ที่มา: YouTube – Paul (2011) Official Trailer


สรุป

Paul เป็นหนังที่รวมทุกความสนุกของแฟนหนังไซไฟในยุค 80-90s ไว้อย่างเต็มอิ่ม ทั้งอารมณ์ขันสุดบ้า คาแรกเตอร์น่ารัก และสารที่อบอุ่นแบบไม่ต้องสั่งสอน ถือเป็นหนึ่งในหนังคู่หู Pegg-Frost ที่ดูง่ายและ “ฟีลกู้ด” ที่สุดเรื่องหนึ่ง

Author: wanta

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *